(was/were + V.ing)

Past Continuous หมายถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต บางคนอาจจะสงสัยว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น จะเป็นอดีตได้อย่างไร  ลองดูประโยคต่อไปนี้ในภาษาไทยนะครับ

  เมื่อคืนขณะที่ผมกำลังหลับอยู่ มีคนเข้ามาในห้อง
 While I was sleeping last night, someone entered my bedroom.

เห็นได้ชัดว่าในภาษาไทยเองก็มี past continuous tense   การใช้ past continuous tense ในภาษาอังกฤษก็ไม่ต่างจากภาษาไทย โดยมีการใช้ดังต่อไปนี้

ใช้ past continuous tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เพื่อบอกว่าช่วงที่เหตุการณ์นั้นกำลังเกิดขึ้น ก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแทรกเข้ามา  เหตุเการณ์ที่เกิดแทรกเข้ามาจะใช้ past simple  ดังนั้นเหตุการณ์ที่ใช้ past continuous tense จะเป็นเหตุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน เช่นตัวอย่างประโยคข้างต้น เหตุการณ์ "ผมกำลังหลับอยู่" จะเกิดขึ้นก่อน และ เหตุการณ์ "มีคนเข้ามาในห้อง" เป็นเหตุการณ์ที่เกิดที่หลัง  เหตุการณ์ที่เกิดแทรกเข้ามาหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังนี้จะใช้ past simple ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดก่อน(กำลังเกิดขึ้น) จะใช้ past continuous tense

โครงสร้างของ past continuous tense ก็คือต้องมี  Verb to be + V.ing  และ verb to be นั้น ก็จะมีแค่สองรูปเท่านั้นที่ใช้กับ past continuous tense ก็คือ was และ were ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ ก็ใช้ was และ พหูพจน์ก็จะใช้ were  ตามตัวอย่างต่อไปนี้

1. We were having dinner when it started to rain.
     พวกเรากำลังกินอาหารเย็นอยู่เมื่อฝนเริ่มตก
2. When I was exploring the Amazon rainforest, I had an ear infection.
     ตอนผมกำลังสำรวจป่าฝนของอเมซอน ผมมีการติดเชื้อที่หู

คำว่า when สามารถนำหน้าประโยคที่เป็น past simple tense ดังเช่นข้อ 1 หรือนำหน้า past continuous tense เช่นข้อ 2 ก็ได้ ซึ่งในภาษาไทยเองก็เหมือนภาษาอังกฤษ ซึ่งนักศึกษาสามารถสังเกตุได้จากคำแปลภาษาไทยในข้อ 1 และ 2 ข้างต้น ( คำว่า "เมื่อ" หรือ  "ตอน" มีความหมายเท่ากับ when ในบริบทนี้)  จริงๆแล้ว when จะอยู่หน้า past simple หรือ past continuous ความหมายก็ไม่ต่างกัน (ในภาษาไทยก็เหมือนกัน สังเกตุได้จากประโยคแปลภาษาไทย) ลองดูประโยคต่อไปนี้

3. We were talking, when the teacher walked into the classroom.
    พวกเรากำลังคุยกันอยู่ ตอนครูเดินเข้ามาในห้องเรียน
4. When we were talking, the teacher walked into the classroom
    ตอนพวกเรากำลังคุยกันอยู่ ครูก็เดินเข้ามาในห้อง

นอกจาก when แล้วมีอีกคำที่มักจะเกิดขึ้นกับการใช้ past continuous ก็คือ while ในการอธิบายเหตุการณ์ที่ประกอบด้วย past continuous  และ past simple นั้น while จะต่างจาก when เพราะเราจะใช้ while หน้าประโยคที่เป็น past continuous เท่านั้น  จะใช้ while หน้าประโยคที่เป็น past simple ไม่ได้ (อย่างน้อยก็ในบริบทที่นักศักษาต้องเรียนในหนังสือ) ดังตัวอย่างข้อ (6) ต่อไปนี้ ที่ไม่ถูกต้อง

5.  ü  While I was cooking my dinner, my mom called me.
6.        I was cooking my dinner, while my mom called.

พยายามทำแบบฝึกหัดด้วยตัวเองก่อนแล้วค่อยดูเฉลย
Exercise: Change the following verbs in the bracket into either past simple or past continuous.
Last year a group of Chinese scientists _________(set out) to explore the Taklamakan desert. On the second week of exploration, they _______(climb) a sand dune, when they _________(face) sandstorms  The sandstorms  ________(prevent) them from seeing clearly.  After 30 minutes, the storms stopped and one of them ________(disappear) from the group.  While they ______________   (search for) the person, they_________(run out of) water. They _________(give up) the search.  When they _____(walk back), they _________(find) the body of a man. They  ________(cover) it with sands and left.  

เฉลย

Last year a group of Chinese scientists set out to explore the Taklamakan desert.
ปีทีแล้ว  นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนกลุ่มหนึ่งออกเดินทางเพื่อสำรวจทะเลทรายตักลามากัน (ใช้ past simple เพราะอธิบายเหตุการณ์ในอดึตตามปรกติ กริยาช่อง 2 ของ set out เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนรูป)

On the second week of exploration, they were climbing a sand dune when they faced sandstorms.
ในสัปดาห์ที่สองของการสำรวจ พวกเขาเผชิญกับพายุทรายตอนที่พวกเขากำลังไต่เนินภูเขาทราย (คลิกดูภาพ sand dunes)

The sandstorms  prevented them from seeing clearly. 
พายุทรายทำให้พวกเขามองเห็นไม่ชัด (prevent = ป้องกัน ในประโยคนี้ถ้าแปลตรงตัวตามภาษาอังกฤษก็คือ "พายุป้องกันพวกเขาจากการมองเห็นอย่างชัดเจน" ประโยคนี้ใช past simple เพราะอธิยายเหตุการณ์ในอดีตตามปรกติ)

After 30 minutes, the storms stopped and one of them disappeared from the group. 
หลังจากนั้น 30 นาที พายุ (ทราย) ก็หยุดและคนหนึ่งในพวกเขาหายไปจากลุ่ม ( past simple เพราะเป็นการอธิยายเหตุการณ์ในอดีตตามปรกติ)

While they were searching for the person, they ran out of water.
ในขณะที่พวเขาพยายามหาคนๆนั้น พวกเขาก็หมดน้ำ (น้ำหมด) (search = ค้นหา)

They gave up the search. 
พวกเขาก็เลยยกเลิกการค้นหา (the search = การค้นหา) ( past simple เพราะเป็นการอธิยายเหตุการณ์ในอดีตตามปรกติ)

When they were walking back, they found the body of a man. 
ตอนที่พวกเขากำลังเดินกลับ พวกเขาก็เจอร่างของผู้ชายคนหนึ่ง ( the body = ร่างของผู้เสียชีวิต)(ช่อง 2 ของ กริยา find คือ found)

They  covered it with sands and left.
พวกเขาก็เอาทรายกลบร่างนั้น และก็จากไป (ใช้ past simple เพราะอธิบายเหตุการณ์ในอดีตตามปรกติ)

ข้อสังเกตุ   ในการทำข้อสอบเวลานักศึกษาเห็นประโยคที่นำหน้าด้วย while ประโยคที่ตามมาก็เป็น past continuous แน่นอนและอีกประโยคก็เป็น past simple แต่ในกรณีของ when ควรพยายามทำความเข้าใจให้ดีว่า ประโยคนั้นควรเป็น past continuous หรือ past simple เพราะ when ใช้ได้กับทั้งสอง tense ควรจะแปลเป็นภาษาไทยแล้วดูว่าเหตุการณ์ไหนที่เกิดก่อน เหตุการณ์ไหนที่เกิดแทรกขึ้นมาดังตัวอย่างต่อไปนี้

: When he_____ (call) me, I _________(watch) TV.
   ตอนเขากำลังเรียกผม ผมดูทีวี
   ตอนเขาเรียกผม ผมกำลังดูทีวี

จากประโยคแปลภาษาไทย ประโยคที่สองฟังดูดีกว่าเพราะว่าเหตุการณ์ดูทีวีน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น(เกิดขึ้นก่อน) ตอนที่ "เขาเรียกผม" ดังนั้น เราก็ทำประโยคที่มี when ข้างหน้าและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดแทรกเข้ามาเป็น past simple และประโยคที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดก่อนเป็น past continuous ดังนี้

:When he called me, I was watching TV.

ลองดูอีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ

: When we _________(travel) in India, we _______(meet) a yogi.
  ตอนเราเดินทางท่องเที่ยวในอินเดีย เรากำลังเจอโยคีคนหนึ่ง
  ตอนเรากำลังเดินทางท่องเที่ยวในอินเดีย เราเจอโยคี

เห็นได้ชัดว่า ประโยคแปลภาษาไทยประโยคที่สองฟังดีกว่ามาก ดังนั้นเราจึงทำประโยคที่มี when  เป็น past continuous ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน และประโยคที่สองที่เป็นเหตุการณ์แทรกเข้ามา เป็น past simple ดังนี้

: When we were travelling in India, we met a yogi. (ช่อง 2 ของ กริยา meet คือ met)